ไมเกรน (Migraine) หรือโรคไมเกรน เป็นอาการปวดศีรษะข้างเดียว
เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากสมอง ศีรษะ และเส้นเลือดรอบๆ สมองของเรา
เมื่อมีสิ่งเข้าไปกระตุ้นก็จะทำให้สมองเกิดภาวะตอบสนองไวกว่าปกติโดยเกิดได้จากทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน
ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีเข้าไปกระตุ้นรบกวนเส้นประสาททำให้หลอดเลือดในสมองเกิดการขยายตัวและก่อให้เกิดไมเกรนในที่สุด
อาการของไมเกรน
- จะมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง โดยปวดศีรษะแบบตุ๊บๆ บริเวณขมับข้างเดียวนานราว 4 – 72 ชั่วโมง มีน้อยรายที่จะปวดทั้งสองข้างพร้อมกัน
- อาจปวดบริเวณเบ้าตา
- อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
- เบื่ออาหาร
- เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายจะยิ่งทำให้มีอาการปวดศีรษะมากขึ้น
- เมื่อเกิดเสียงดังหรือมีแสงจ้าก็ทำให้ปวดศีรษะ
- อาจมีอาการนำ Aura ที่เห็นแสงแวบ แสงจ้า ตาพร่ามัว
- จะมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง โดยปวดศีรษะแบบตุ๊บๆ บริเวณขมับข้างเดียวนานราว 4 – 72 ชั่วโมง มีน้อยรายที่จะปวดทั้งสองข้างพร้อมกัน
- อาจปวดบริเวณเบ้าตา
- อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
- เบื่ออาหาร
- เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายจะยิ่งทำให้มีอาการปวดศีรษะมากขึ้น
- เมื่อเกิดเสียงดังหรือมีแสงจ้าก็ทำให้ปวดศีรษะ
- อาจมีอาการนำ Aura ที่เห็นแสงแวบ แสงจ้า ตาพร่ามัว
สาเหตุของการเกิดไมเกรน
ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะข้างเดียวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่พบน้อยในผู้สูงอายุ ซึ่งโดยมากมักพบในช่วงอายุระหว่าง 10 – 40 ปี และมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย (อัตราเฉลี่ย 1 : 10) โดยสาเหตุของไมเกรนนั้นยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่มีการสันนิษฐานกันว่าน่าจะเกิดจากพันธุกรรมเป็นหลัก ร่วมด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเครียด หรือการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล่านี้ก็เป็นตัวกระตุ้นทำให้หลอดเลือดแดงในสมองเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วทำให้ปวดศีรษะ
ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะข้างเดียวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่พบน้อยในผู้สูงอายุ ซึ่งโดยมากมักพบในช่วงอายุระหว่าง 10 – 40 ปี และมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย (อัตราเฉลี่ย 1 : 10) โดยสาเหตุของไมเกรนนั้นยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่มีการสันนิษฐานกันว่าน่าจะเกิดจากพันธุกรรมเป็นหลัก ร่วมด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเครียด หรือการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล่านี้ก็เป็นตัวกระตุ้นทำให้หลอดเลือดแดงในสมองเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วทำให้ปวดศีรษะ
การรักษาไมเกรนด้วยยาและการป้องกันอาการไมเกรน
หากมีอาการไม่มากก็สามารถรับประทานพวกยาพาราเซตามอล หรือแอสไพริน จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่หากมีอาการมากเป็นบ่อยก็ควรปรึกษาแพทย์ โดยแพทย์มักจะให้ยาในกลุ่ม Beta blockers, Antidepressants, Calcium Channel blocker ตลอดจนยา Sumatriptan ซึ่งเป็นยาสำหรับอาการไมเกรนโดยเฉพาะ และจะให้ยาแก้ปวด และคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
นอกจากนี้การรับประทานอาหารเสริมก็เป็นการช่วยลดหรือบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้
อย่างเช่น วิตามินบี, แคลเซียม, แมกนีเซียม,
Feverfew หรือ 5-hydroxytryptophan (5-HTP) เหล่านี้ก็สามารถช่วยเพิ่มระดับเซอโรโตนินในสมองของเรา
เป็นการบำรุงเส้นเลือดให้แข็งแรง และควรรับประทานอย่างต่อเนื่องจึงจะได้ผลดี
โดยในเบื้องต้นเมื่อเกิดไมเกรนอาจบรรเทาอาการด้วยตนเองอย่างง่ายๆ ก่อน
เช่น ใช้น้ำแข็งประคบที่ศีรษะเป็นการช่วยให้เส้นเลือดหดตัวลง
หรือนอนพักผ่อนในห้องนอนที่สงบเงียบ พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ
และไม่ควรเปิดไฟเวลานอน หรือการนวดด้วยอโรมาก็ช่วยให้สมองผ่อนคลายได้
งดอาหารประเภทผงชูรส พิซซ่า กาแฟ เนย ช็อกโกแลต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เหล่านี้เป็นต้น นอกจากนี้ควรออกกำลังกาย และรับประทานอาหารจำพวกปลามากๆ
ก็จะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคไมเกรนได้
ดังนั้นเราควรหมั่นดูแลรักษาสุขภาพกันให้มากๆ
โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์และครบ 5 หมู่
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
หากิจกรรมหรืองานอดิเรกทำเพื่อเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียด ไม่โกรธหรือโมโหง่าย
เพียงเท่านี้เราก็ห่างไกลจากไมเกรนแล้ว…
ไม่มีความคิดเห็น: