บรรพบุรุษของ “แมงดาทะเล” พบในประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาของยุคพาลีโอโซอิก
ยุคที่ไดโนเสาร์ยังไม่ใช่ตัวละครเอก ยุคที่ปลาเพิ่งถือกำเนิด
พร้อมๆกับเวลาที่ผ่านไป สัตว์หลายชนิดถือกำเนิดแล้วก็สูญพันธุ์
มีเพียงแค่แมงดาทะเลที่ถึงแม้เวลาผ่านไปกว่า 400 ล้านปีก็ยังคงลักษณะเดิมไว้ได้
จนถูกเรียกว่า ฟอสซิลที่มีชีวิต
สำหรับมนุษย์แล้ว เลือดของแมงดาทะเลสำคัญเพราะว่าในเลือดมีทองแดงมาก
จนทำให้มันเป็นสีฟ้า
ใช้เลือดแมงดาทะเลเพื่อทำตัวทำปฏิกิริยา (Reagents) เมื่อฉีดตัวทำปฏิกิริยานี้เข้าไปถ้าสารเปลี่ยนสี
หรือแข็งตัวก็แปลว่ามีไวรัส
เพราะว่าเลือดแมงดามีคุณสมบัติพิเศษนี้
มันก็เลยถูกจับมารีดเลือดเพื่อทำการทดลอง
ในครั้งที่มนุษย์ยังไม่รู้ถึงประโยชน์ทางการแพทย์ของแมงดาทะเล
มันก็จะถูกจับมาเพื่อนึ่งให้สุกแล้วบดเป็นผง เพื่อเอาไปทำปุ๋ยหรือไม่ก็อาหารสัตว์
ทำให้ในปีหนึ่งๆมีแมงดาทะเลเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ตอนนี้เมื่อมนุษย์เราได้ค้นพบถึงประโยชน์ของเลือดแมงดาแล้ว
ชาวประมงจะใช้เรือประมงขนาดใหญ่ออกจับแมงดาทะเลในฤดูวางไข่
แล้วส่งมันไปที่ห้องปฏิบัติการ
แมงดาทะเลถูกจับมัดติดไว้กับชั้นวางเพื่อรีดเลือด
พนักงานจะใช้หลอดแทงเข้าไปที่หัวใจของแมงดาทะเล
จะมีเลือดไหลออกมาปริมาณ 30% ขั้นตอนการรีดเลือดใช้เวลา 24 – 72 ชั่วโมง
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์เลือดของแมงดาจะฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม
การรีดเลือดเป็นเหตุให้แมงดาเสียชีวิตประมาณ 10 – 30% เพราะว่าการที่มนุษย์จับแมงดาที่ละจำนวนมากๆขึ้นฝั่งมาเพื่อไข่แมงดาลดน้อย
ลงเรื่อยๆ
หลังจากผ่านขั้นตอนการรีดเลือดแมงดาจะอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น
แมงดาเพศเมียที่โดนรีดเลือดจะมีโอกาสให้กำเนิดลูกหลานในปริมาณที่ลดต่ำลง อย่างมาก
แมงดาทะเลขณะถูกส่งไปห้องปฏิบัติการ ผ่านขั้นตอนการรีดเลือดอันโหดร้าย
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแมงดาทะเลมีความสำคัญกับมวลมนุษยชาติมากขนาดนี้
ไม่มีความคิดเห็น: