ข่าวอาชญากรรม เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ กองปราบปราม น.ส.ศิรินธร เรืองพร อายุ 35 ปี
พร้อมด้วยผู้เสียหาย 6 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ชลิต มณีพราว
พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ
นางจิรายุ สุจริตจันทร์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/5
ซอยพระยาสุเรนทร์ 40 แขวงสามวาตะวันตก
เขตคลองสามวา กทม.เจ้าของบริษัท คิดส์ช้อยซ์ 1960 จำกัด
ตั้งอยู่ที่เนอวานาแอทเวิร์ค พระราม 9 ซอยถาวรรัตน์
แขวงและเขตสวนหลวง กทม.หลังจากถูกนางจิรายุ
หลอกลวงให้นำเงินมาลงทุนซื้อเฟรนไชส์กิจการสถานดูแลเด็กเล็ก
หรือเนอร์สเซอรี่ของบริษัทดังกล่าว รวมมูลค่าเสียหายกว่า 6 ล้านบาท
โดยนำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มามอบไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.ศิรินธร กล่าวว่า เมื่อปลายปี 2557 ตนกับทางครอบครัวสนใจจะเปิดกิจการสถานดูแลเด็กเล็ก จากนั้นได้รับการแนะนำจากน้องสาวให้รู้จักกับนางจิรายุ ซึ่งประกอบธุรกิจด้านนี้อยู่ และมีการทำเฟรนไชส์เกี่ยวกับการตกแต่งภายในสถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก ตนเห็นว่าบริษัทแห่งนี้มีประสบการณ์และเคยจัดหาพี่เลี้ยงเด็กให้น้องสาว จึงหลงเชื่อตัดสินใจทำสัญญาซื้อเฟรนไชส์เป็นเงิน 300,000 บาท มีข้อตกลงว่าทางบริษัทจะตกแต่งภายในสถานที่และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินเดือนพี่เลี้ยงเด็กทั้งหมด โดยตนจะจ่ายเงินในอัตราร้อยละ 10 เป็นค่าจ้างดูแลเด็กแต่ละคนให้กับบริษัทดังกล่าวทุกเดือน
น.ส.ศิรินธร กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกำหนดการเริ่มต้นตกแต่งภายในสถานที่ นางจิรายุ ก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ ตนเห็นว่ามีการผิดสัญญาจึงทวงถามไป แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง อ้างเพียงว่าช่างของบริษัทยังติดงานเพราะรับงานลูกค้าหลายราย ต้องขอเลื่อนกำหนดออกไปก่อน แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกหลอกเช่นเดียวกับตน จึงนัดรวมตัวกันเข้าแจ้งความที่ บก.ป.ในครั้งนี้
ด้าน ร.ต.ท.ชลิต กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ก่อน จากนั้นจะตรวจสอบเอกสารต่างๆ และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยกรณีดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ก่อนจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
น.ส.ศิรินธร กล่าวว่า เมื่อปลายปี 2557 ตนกับทางครอบครัวสนใจจะเปิดกิจการสถานดูแลเด็กเล็ก จากนั้นได้รับการแนะนำจากน้องสาวให้รู้จักกับนางจิรายุ ซึ่งประกอบธุรกิจด้านนี้อยู่ และมีการทำเฟรนไชส์เกี่ยวกับการตกแต่งภายในสถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก ตนเห็นว่าบริษัทแห่งนี้มีประสบการณ์และเคยจัดหาพี่เลี้ยงเด็กให้น้องสาว จึงหลงเชื่อตัดสินใจทำสัญญาซื้อเฟรนไชส์เป็นเงิน 300,000 บาท มีข้อตกลงว่าทางบริษัทจะตกแต่งภายในสถานที่และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินเดือนพี่เลี้ยงเด็กทั้งหมด โดยตนจะจ่ายเงินในอัตราร้อยละ 10 เป็นค่าจ้างดูแลเด็กแต่ละคนให้กับบริษัทดังกล่าวทุกเดือน
น.ส.ศิรินธร กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกำหนดการเริ่มต้นตกแต่งภายในสถานที่ นางจิรายุ ก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ ตนเห็นว่ามีการผิดสัญญาจึงทวงถามไป แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง อ้างเพียงว่าช่างของบริษัทยังติดงานเพราะรับงานลูกค้าหลายราย ต้องขอเลื่อนกำหนดออกไปก่อน แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกหลอกเช่นเดียวกับตน จึงนัดรวมตัวกันเข้าแจ้งความที่ บก.ป.ในครั้งนี้
ด้าน ร.ต.ท.ชลิต กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ก่อน จากนั้นจะตรวจสอบเอกสารต่างๆ และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยกรณีดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ก่อนจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น: